

Puffing Billy เป็นหนึ่งหัวรถจักรไอน้ำที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุดในโลก ที่เหลือรอดอยู่จนถึงทุกวันนี้ โดยมีการเริ่มก่อสร้างเมื่อ ปี ค.ศ.1813 – 1814 โดย William Hedley เป็นหัวรถจักรพลังไอน้ำเชิงพาณิชย์ตัวแรกในสหราชอาณาจักร งานแรกคือการขนส่งถ่านระหว่างเหมืองกับท่าเรือใน Northumberland อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับชายชื่อ George Stephenson ที่ได้นำผลงานไปพัฒนาต่อ เพื่อใช้ในเหมืองอีกด้านหนึ่งทางตอนเหนือของอังกฤษ จนสุดท้ายได้กลายเป็น “บิดาแห่งวงการรถไฟ” ในที่สุด
เป้าหมายของการพัฒนา Puffing Billy คือการนำมาใช้ขนส่งทรัพยากรต่าง ๆ แทนการใช้ม้า โดยการสร้างหัวรถจักรต้นแบบให้กับบรัษทถ่านหิน Wylam Colliery ด้วยตัวต้นแบบทั้งสองตัว ได้แก่ Puffing Billy และ Wylam Dilly ทั้งคู่นำมาสร้างใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิมในปี ค.ศ.1815 ด้วยล้อขนาดใหญ่จำนวน 10 ล้อ และมันถูกกลับส่งคืนในปี 1830 เมื่อมีการสร้างรางรถไฟขนาดใหม่ที่แข็งแรงกว่าเดิม ไม่สามารถใช้โครงสร้างรถแบบเก่าได้
จนกระทั่ง Edward Blackett เจ้าของบริษัทถ่านหินยักษ์ใหญ่ Wylam Colliery ได้ขอยืมหัวรถจักรมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ในกรุงลอนดอน จนภายหลังได้ขายให้ไปในราคา 200 ปอนด์ ปัจจุบันยังคงจัดแสดงอยู่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ส่วนตัวรุ่นน้องอย่าง Wylam Dilly ถูกนำไปจัดแสดงที่ National Museum of Scotland ใน Edinburgh ปี ค.ศ.2006 หัวรถจักรจำลองถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจัดแสดงโชว์ และวิ่งได้จริงใน Beamish Museum และอีกตัวใน ปี ค.ศ.1906 ในพิพิธภัณฑ์เยอร์มัน
ส่วนตัวที่สอง Wylam Dilly ถูกออกแบบให้มี 4 ล้อบนรางเพื่อใช้ขนแร่เหล็ก ทำงานด้วยระบบ 2 ลูกสูบ ความยาว 9 นิ้ว x 36 นิ้ว (ยาว 229 มิล x 914 มิล) น้ำหนักโดยรวม 8 ตัน แต่ด้วยน้ำหนักของแร่ที่หนักเกินไป ทำให้ต้องเพิ่มล้อเป็น 8 ล้อในปี ค.ศ.1815 แต่สุดท้ายก็กลับไปใช้แบบเดิมในปี ค.ศ.1830 เนื่องจากรางเปลี่ยนไป หัวรถจักรยังคงทำงานต่อไปถึง 32 ปี ถูกย้ายไปยัง Craghead Colliery ในปี ค.ศ.2008 ได้มีการตรวจสอบถึงสภาพความสมบูรณ์ของหัวรถจักรทั้งสอง ได้มีความเห็นว่าตัว Wylam อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้จริง
นอกจากสองตัวนี้แล้ว ยังมีรถจักรอีกตัวหนึ่งชื่อ Fairy Queen ที่ถูกสร้างหลังจากนั้นในปี ค.ศ.1855 มีน้ำหนัก 26 ตัน ระบบ 2 ลูกสูบ 12 นิ้ว x 22 นิ้ว (305 มิล x 559 มิล) ใช้ระบบรางแบบ 5 ฟุต (1,676 มิล) ซึ่งนำมาใช้ขนส่งกองทัพ และวัสดุก่อสร้างจนกระทั่งการทำงานในปีสุดท้ายของมันในปี ค.ศ.1909 จากนั้นมันถูกนำขึ้นไปโชวบนแท่นนานกว่า 34 ปีในสถานีของ Howrah Station ถือเป็นรถไฟไอน้ำคันที่สามที่หาดูยากที่สุดในโลก